Shopping in 2020
ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยซบเซา ทางภาครัฐ จึงได้ออกมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เพื่อกระตุ้นให้ประชาชน อยากออกไปใช้จ่ายเงินกันมากขึ้น แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่า มาตรการนี้คืออะไร หรือมีเงื่อนไขอะไรบ้าง
มาตรการช้อปดีมีคืน เป็นมาตรการรัฐที่กำหนดให้ประชาชน ผู้มีเงินได้ซี่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีจากค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในประเทศ ได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน โดยผู้ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ ช้อปดีมีคืน 2563 นี้ จะต้องเป็นผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2563 ที่จะยื่นแบบภาษีในต้นปี 2564 ส่วนคนที่ไม่มีรายได้ หรือ มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี หรือ มีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษีแต่มีค่าลดหย่อนอื่น ๆ ที่ช่วยให้ไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว จะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ เพราะไม่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะซื้อช่วงนี้หรือซื้อเมื่อไร ก็ไม่ต่างกัน และหากเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือเป็นผู้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ช้อปดีมีคืนได้อีก และสำหรับสิทธิช้อปดีมีคืนสามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2563นี้
สินค้าและบริการที่ใช้สิทธิช้อปดีมีคืนได้
- สินค้าและบริการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม สินค้าและบริการที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้นั้น ต้องเป็นสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และต้องซื้อสินค้าและรับบริการจากร้านค้าที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เกต ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารที่จดทะเบียน VAT หรือร้านค้าทั่วไปที่ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่มีชื่อและข้อมูลของผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้ใบกำกับภาษีแบบย่อได้นะ
- หนังสือ สามารถซื้อได้ทั้งหนังสือที่เป็นสิ่งพิมพ์ ทุกประเภท (ยกเว้นนิตยสารและหนังสือพิมพ์) รวมทั้ง e-Book เพื่อเป็นการส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่านมากขึ้น โดยต้องซื้อจากร้านที่เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และสามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่มีชื่อและข้อมูลของผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการหรือใบเสร็จรับเงินซึ่งมีรายการตามที่กรมสรรพากรกำหนด และมีชื่อและข้อมูลของผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการได้ สินค้าโอทอป (OTOP) ต้องเป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว และมีหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงินซึ่งมีรายการตามที่กรมสรรพากรกำหนด และมีชื่อและ
- ข้อมูลของผู้ซื้อสินค้า หรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่มีชื่อและข้อมูลของผู้ซื้อสินค้า และระบุว่าเป็นรายการซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
สินค้าและบริการที่ไม่สามารถใช้สิทธิช้อปดีมีคืนได้
ไม่ใช่ว่าจะสามารถใช้สิทธิ์ได้กับสินค้าหรือบริการทุกรูปแบบนะครับ ยังมีสินค้าและบริการบางประเภทที่ไม่ได้เข้าร่วมเช่น
- สุรา เบียร์ และไวน์
- ยาสูบ
- น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
- รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
- หนังสือพิมพ์และนิตยสาร และค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
- บริการจัดนำเที่ยว
- ที่พักในโรงแรม
นอกจากนี้ สินค้าหรือบริการบางประเภทที่ไม่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% อยู่แล้ว ก็จะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น
- ผัก-ผลไม้สดที่ยังไม่ได้แปรรูป
- เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา
- ทองคำแท่ง
- ค่ารักษาพยาบาล
- ค่าทำศัลยกรรม
หลักฐานที่ต้องใช้ในการใช้สิทธิ
กรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการทั่วไปจะต้องใช้ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปเท่านั้นนะ ไม่สามารถใช้ใบกำกับภาษีแบบย่อได้ ซึ่งจะต้องมีการระบุข้อความดังนี้
- คำว่า "ใบกำกับภาษี" ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด
- ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของร้านค้าผู้ประกอบการ
- ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ (เลขประจำตัวผู้เสียภาษี = เลขประจำตัวบัตรประชาชน)
- หมายเลขของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี)
- ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือบริการ
- จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คำนวณจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการอย่างชัดแจ้ง
- วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี
- ข้อความอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด (ถ้ามี) เช่น คำว่า เอกสารออกเป็นชุด สำเนาใบกำกับภาษี ฯลฯ
ทราบอย่างนี้แล้ว คงจะมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการช้อปปิ้ง ให้เกิดประโยชน์สุงสุดก่อนสิ้นปี 2563นี้กันนะคะ